เป็นเครื่องพิมพ์ และเครื่องมัลติฟังก์ชั่น ขาวดำ (Monochrome)

มาอีกแล้วครับ มันช่างเป็นเครื่องพิมพ์ที่โดนมากๆ ที่สุดในโลกเลยครับ กับความสามารถของเครื่องที่ให้มาเกินราคาหลายเท่า เอาคร่าวๆนะครับ

แถมยังรองรับหลายระบบปฏิบัติการ รุ่นใหม่ๆ รวมทั้ง Mac OSX ด้วยครับ เสียอย่างเดียว ไม่มี LAN หรือระบบ Network แต่ไม่มีปัญหา สมัยนี้ Router ที่รองรับ USB Printer เพื่อเอาไว้แชร์ในระบบเครือยข่ายมีตั้งเยอะครับ

เรื่องความสะดวกในการใช้งาน ดูภาพเปรียบเทียบดังนี้ครับ

เครื่องพิมพ์ Fuji Xerox DocuPrint P205b หน้าปัทม์จะมีปุ่มกดเพียงปุ่มเดียว และหลอดไฟ LED สองดวงเท่านั้นครับ ประหยัดดีครับ

เครื่องมัลติฟังก์ชั่น จะมีหน้าปัทม์แบบเต็มรูปแบบ สั่งได้ทุกอย่างเหมือนเครื่องพิมพ์ราคาแพงๆเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าเครื่องพิมพ์ การแสดงข้อความเตือน เช่นผงหมึกหมด กระดาษหมด ฝาด้านหลังเปิด บอกมาเป็นคำศัพท์ ซึ่งง่ายต่อการวินิจฉัยอาการเสียครับ

สองรูปนี้บอกอะไร? ลองนึกดูง่ายๆ ดังนี้ครับ

รูปบนเป็นเครื่องพิมพ์ Fuji Xerox DocuPrint P205b

• กระดาษหมด ไฟกระพริบ
• ผงหมึกหมด ไฟกระพริบ
• เปิดฝาด้านหลังทิ้งไว้ ไฟกระพริบ

รูปล่างเป็นเครื่องมัลติฟังก์ชั่น Fuji Xerox DocuPrint M205b

• กระดาษหมด แสดงข้อความ Load Paper
• ผงหมึกหมด แสดงข้อความ Please replace Toner Cartridge
• เปิดฝาด้านหลังทิ้งไว้ แสดงข้อความ Please close back cover

พอนึกออกไหมครับ เวลารีบๆ แล้วไม่ทราบว่าเครื่องเป็นอะไร มันน่าทุบเครื่องให้พังคามือขนาดไหน ถ้าราคาต่างกันแค่พันกว่าบาท ผมขอเอา M205b ดีกว่าครับ สบายใจกว่าเยอะ

จุดเด่น

1. ผงหมึกตลับเดิม ที่ติดเครื่องมา สามารถใช้งานได้ตลอดอายุการใช้งานเครื่องครับ ไม่ต้องซื้อชิพหมึกด้วย ไม่ต้องซื้อตลับหมึกใหม่ด้วยครับ ไม่ต้องซื้ออะไรทั้งนั้นครับ ซื้อแต่ผงหมึกอย่างเดียว
2. เครื่องเสียก็เปลี่ยนตัวใหม่ครับ ไม่ต้องซ่อม (ซ่อมแล้วไม่น่าจะคุ้มนะครับ) อย่าซื้อมือสองด้วยครับ ซื้อเครื่องใหม่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นครับ

จุดด้อย

เครื่องรุ่นนี้เพิ่งออกมาใหม่ แต่ละคนก็ใหม่ๆกันทั้งนั้นครับ ณ เวลานี้ยังไม่มีปัญหาใดๆครับ ลูกค้าที่มาซื้อผงหมึกบ่อยๆ เกิน 10 ขวดไปแล้ว ก็ยังไม่มีปัญหาใดๆครับ ผมคิดว่าทนมากครับรุ่นนี้ สังเกตดูลูกดรัมด้านหลังเครื่องสิครับ เส้นรอบวงใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆที่ผ่านๆมาประมาณ 5 เท่าได้ครับ ทำให้ลูกดรัมหมุนช้าๆ ไม่ต้องวิ่งรอบจัดๆ เหมือนลูกดรัมรุ่นเล็กๆครับ ความร้อนลดลง ความสึกหรอลดลง ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนลูกดรัม ตลอดระยะเวลา 3 ปี ดั่งคำโษฆณาไงครับ
แต่ถึงยังไงเราก็สามารถสังเกตเห็นข้อเสีย ที่เด่นๆเลยมีอยู่ดังนี้ครับ

1. ระบบ ดึงกระดาษ คือสามารถรับกระดาษหนาได้ไม่ค่อยดีครับ (สเป็ค บอกว่า 60-163 แกรม) แต่ถ้าเกินกว่า 180 แกรม ต้องใช้มือช่วยดันส่งนิดนึงครับ ไม่ต้องแรง แต่แค่ดันพยุงไว้เฉยๆครับ กระดาษที่หนาเกินไป อาจจะไปจิกลูกดรัมให้เป็นรอยเร็วขึ้นครับ แต่ไม่ต้องกังวล วันไหนลูกดรัมเป็นรอย ก็ซื้อเครื่องใหม่สิครับ ราคาไม่เกิน 2,000 เองนี่นา ใช่ไหมครับ (แต่คุณได้ค่าเครื่องคืนไปหมดแล้วภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ จริงไหมครับ) ส่วนลูกยางดึงกระดาษ ไม่ต้องเปลี่ยน แต่หมั่นเช็ดเอาคราบขุยกระดาษออกจากลูกยางบ่อยๆ ให้ยางมันหนึบตลอดก็เพียงพอแล้วครับ
    
2. ระบบทำภาพ ระบบ LED นี้เป็นระบบใหม่ ไม่ใช้แสงเลเซอร์ยิงภาพไปหาลูกดรัม แต่ใช้ LED ยิงภาพแทน ข้อดีคือ ความละเอียดจะสูงสุดตลอด ไม่มีให้เลือก หยาบหรือละเอียดอีกต่อไป แต่หลอด LED จะถูกตรึงด้วยระยะห่างที่พอดี และขนานกับชุดดรัมทั้งลูก และหยอดกาวล๊อคไว้จากโรงงาน ขยับไม่ได้ ทำให้ไม่มีโอกาสเลยที่จะเปลี่ยนลูกดรัมใหม่ครับ เพราะถ้าเปลี่ยนใหม่ มันอาจจะไม่ขนานกันเหมือนตอนมันมาจากโรงงานไงครับ เราไม่มีเครื่องมือเฉพาะกิจ เหมือนในโรงงานนะครับ

ดังนั้น ท่านที่คิดจะเติมผงหมึก ควรพิจารณาให้ดี เพราะท่านอาจจะไม่มีโอกาสแก้ตัว หากเติมผงหมึกที่ผิดรุ่น หรือไม่ได้มาตรฐาน หรือมีปัญหาอะไรก็แล้วแต่ การจะถอดชุดดรัม หรือชุดหมึกออกมาล้างทำความสะอาดนั้น เป็นเรื่องยาก ถึงยากที่สุด เพราะความซับซ้อนของการออกแบบขนาดเครื่องให้เล็ก ทุกอย่างจะถูกอัดรวมตัวอยู่ด้วยกันเป็นกระจุก หากมีผงหมึกฟุ้งไปติดที่หลอด LED จะทำให้ภาพบอดสนิททันที และเป็นการยากที่จะถอดอุปกรณ์นั้นออกมาล้างครับ (อาจจะถอดได้ ล้างได้ แต่ประกอบนี่สิครับ จะเหมือนเดิมหรือปล่าว ตัวผมเองยังไม่มั่นใจเลยครับ สงสัยต้องพึ่งกาวตราช้างซะละล่ะ)

ถ้าถามว่า เพราะอะไร? ก็ให้ศึกษาความแตกต่างของระบบผงหมึก โดยอ่านได้ที่ Link นี้ครับ

ผงหมึกชนิด EA-HG และ ผงหมึกชนิด EA-Eco (ใช้ Google Translate แปลภาษาอังกฤษเอานะครับ แต่อ่านภาษาอังกฤษแล้วแปลเองโดยใช้ดิกชันนารีจะเข้าใจกว่าครับ)

สรุปใจความสำคัญก็คือว่า เครื่องรุ่นนี้ เจตนาสร้างมาคือให้มีประสิทธิภาพการพิมพ์ที่ดีมาก และช่วยประหยัดพลังงานไปด้วยในตัว
จึงมีการคิดค้นสูตรผงหมึกขึ้นมาใหม่ โดยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง จากเดิม 100% ให้เหลือเพียง 60% เท่านั้น (ลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ในอาคาร สำนักงาน)
วิธีการก็คือ ลดความร้อนของเครื่อง ที่ใช้ในการละลายผงหมึกลง ส่งผลให้ประหยัดไฟฟ้ามากขึ้นด้วย กลิ่น และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็จะลดน้อยถอยลงตามมาตามสูตร
แต่สารเคมีที่ประกอบเป็นตัวเนื้อของผงหมึก จะต้องสามารถละลายได้ในอุณหภูมิที่ต่ำนี้ มิฉะนั้นเมื่อพิมพ์งานออกมา ตัวอักษรบนกระดาษก็จะสามารถหลุดออก ลอกออก หรือลบออกได้ เมื่อเอานิ้วมือไปแตะ ไปจับ หรือไปสะกิดตัวหนังสือนั้น ก็หมายความว่ามันละลายไม่ทัน เพราะความร้อนของเครื่องน้อยเกินไปที่จะละลายผงหมึกที่ติมลงไปนั่นเอง ดังนั้นอาการนี้จึงมักจะเกิดกับเครื่องที่เติมผงหมึกผิดรุ่น ผิดสเป็ค หรือไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้กับเครื่องรุ่นนี้ไงล่ะครับ

สรุป อย่าเห็นแก่ของถูกครับ คงบอกได้เพียงเท่านี้ครับ

(คลิกดูสินค้า สำหรับใช้กับเครื่องรุ่นนี้กันเถอะ)